Support
Spalco-OWA.com
02-391-4224
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2017-04-24 15:41:22.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  Acoustic Ceiling การออกแบบฝ้าอะคูสติก สำหรับสำนักงานแบบแปลนเปิด-2

ระดับความเป็นส่วนตัวคำพูด

ขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างใช้ระบบฝ้าเพดานอะคูสติก

ด้วยเหตุนี้ปัจจัยที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการเลือกแผ่นฝ้าเพดานอะคูสติก

และ การออกแบบระบบอะคูสติกที่ดี รวมถึงการคัดเลือกวัสดุตกแต่งภายในที่ถูกต้อง

 

 

guest

Post : 2017-02-28 13:37:04.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การออกแบบฝ้าอะคูสติก สำหรับสำนักงานแบบแปลนเปิด ตอนที่ 1

Acoustic Ceiling:

 

การออกแบบฝ้าอะคูสติก สำหรับสำนักงานแบบแปลนเปิด

 

 

การออกแบบอาคาร หรือพื้นที่สำนักงานแบบแปลนเปิด (Open Plan Office Space) ต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นอะคูสติกที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก และมีการใช้เสียงตลอดเวลา ทั้งจากการคุยโทรศัพท์ การเดินไปมา รวมไปถึงเสียงที่เกิดจากเครื่องใช้สำนักงาน

วิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการออกแบบ เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวของระดับเสียงในพื้นที่สำนักงาน และมีการใช้อย่างแพร่หลาย คือการสร้างสมดุลยในการออกแบบอะคูสติก (Balanced Acoustical Design) ซึ่งมีปัยจัยหลัก 3 ประการ ประกอบด้วย

1.การดูบซับเสียง (Absorbtion) เพื่อดูดซับเสียงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยใช้ระบบฝ้าเพดานที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงมาก หรือการใช้ร่วมกับระบบผนัง ที่ถูกพัฒนาให้มีการดูดซับเสียงดีขึ้น เป็นการดูดซับเพื่อป้องกันการสะท้อนของเสียง หรือการทะลุของเสียงจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
2.การกั้นเสียง (Blocking)
 กั้นเสียงที่จะส่งผ่านระหว่างพื้นที่ ซึ่งเป็นการรวมกันของระบบฝ้าอะคูสติกประสิทธิภาพสูง เข้ากับผนังฉากกั้น และรูปแบบการจัดวาง
3.การปกปิด (Coving)
 เสียงที่เล็ดลอดเข้ามาในพื้นที่ สามารถปรับแต่งให้เข้ากับค่า PI ที่ต้องการได้ ด้วยระบบเสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์

 

 

 

guest

Post : 2017-01-27 14:38:21.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ไอเดียแต่งบ้านต้อนรับวันตรุษจีน

 

ไอเดียแต่งบ้านรับตรุษจีน

 

                  วันตรุษจีน ปีใหม่จีนประวัติวันตรุษจีน ประเพณีนิยมใน วันตรุษจีน ประเพณีนิยมของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีนทั่วโลกถือว่า วันตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน 

                   เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน Chinese New Year 2017 วันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ ปี 2560 (ซิ้ง

เจียที) ประเพณีสำคัญก่อนวันตรุษจีน ในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 มกราคม 2560 ส่วน วันตรุษจีน 2560 ตรงกับวันที่ 28 มกราคม 2560 เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญที่คนไทยเชื้อสายจีนรอคอยกันเลยครับ

 

                   ตกแต่งบ้านด้วยสีแดงเพื่อต้อนรับสิ่งที่เป็นมงคลเข้ามาในชีวิตและ

ครอบครัว โดยการนำไอเดียแต่งบ้านรับตรุษจีนมาฝากกัน click เพื่อเข้าชมภาพ

ประกอบคำบบรรยาย.........

 

 

 

guest

Post : 2017-01-06 15:26:03.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  หลักเกณฑ์ในการเลือกใช้และ คุณสมบัติของวัสดุในการก่อสร้าง

Art - Inspre

 

 

หลักเกณฑ์ในการเลือกใช้และ

 

 

คุณสมบัติของวัสดุในการก่อสร้าง 

 

 

    ผนังแบบก่ออิฐ

 

            ผนังแบบสำเร็จรูป........

 

 

 

 

guest

Post : 2016-12-08 14:53:47.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วัสดุยอดฮิตปูพื้นและผนัง-เลือกใช้อย่างไรดี-2

Art - inspire

 

หลักเกณฑ์ในการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้าง


พื้นกระเบื้องเซรามิค


พื้นกระเบื้องไวนิล


พื้นหินแกรนิต

 

 

.... 

guest

Post : 2016-09-29 16:47:09.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  วัสดุยอดฮิตปูพื้นและผนัง-เลือกใช้อย่างไรดี ตอนที่ 1

ART - INSPIRE 

 

หลักเกณฑ์การเลือกใช้วัสดุปูพื้น และ ผนัง

 

นั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยดังนี้

 

-  ความชอบ หรือ ความนิยม ส่วนบุคคล

 

-  ทุรทรัพย์ในการก่อสร้าง

 

-  การใช้งานการดูแลรักษา

 

-  สนองตอบการใช้งานตามพื้นที่ใช้สอย 

 

 

 

 

guest

Post : 2016-09-06 16:16:06.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  www.spalco-owa.com

                  w  w  w.  S  P  A  L  C  O _ O  w  a.  c  o  m                       

guest

Post : 2016-08-30 10:44:03.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การประยุกต์ใช้งานอลูมิเนียม

 การประยุกต์[แก้]

เมื่อวัดในทั้งปริมาณและมูลค่า การใช้อะลูมิเนียมมีมากกว่าโลหะอื่น ๆ ยกเว้นเหล็ก และมีความสำคัญในเศรษฐกิจโลกทุกด้าน

 

อะลูมิเนียมบริสุทธิ์มีแรงต้านการดึงต่ำ แต่สามารถนำไปผสมกับธาตุต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ทองแดง สังกะสีแมกนีเซียม แมงกานีส และซิลิกอน (เช่น duralumin) ในปัจจุบันวัสดุเกือบทั้งหมดที่เรียกว่าอะลูมิเนียมเป็นโลหะผสมของอะลูมิเนียม อะลูมิเนียมบริสุทธิ์พบเฉพาะเมื่อต้องการความทนต่อการกัดกร่อนมากกว่าความแข็งแรงและความแข็ง

 

เมื่อรวมกับกระบวนการทางความร้อนและกลการ (thermo-mechanical processing) โลหะผสมของอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติทางกลศาสตร์ที่ดีขึ้น โลหะผสมอะลูมิเนียมเป็นส่วนสำคัญของเครื่องบินและจรวดเนื่องจากมีอัตราความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง

 

อะลูมิเนียมสามารถสะท้อนแสงที่มองเห็นได้ดีเยี่ยม (~99%) และสามารถสะท้อนแสงอินฟราเรดได้ดี (~95%) อะลูมิเนียมชั้นบาง ๆ สามารถสร้างบนพื้นผิวเรียบด้วยวิธีการควบแน่นของไอสารเคมี (chemical vapor deposition) หรือวิธีการทางเคมี เพื่อสร้างผิวเคลือบออปติคัล (optical coating) และกระจกเงา ผิวเคลือบเหล่านี้จะเกิดชั้นอะลูมิเนียมออกไซด์ที่บางยิ่งกว่า ที่ไม่สึกกร่อนเหมือนผิวเคลือบเงิน กระจกเงาเกือบทั้งหมดสร้างโดยใช้อะลูมิเนียมชั้นบางบนผิวหลังของแผ่นกระจกลอย (float glass). กระจกเงาในกล้องโทรทรรศน์สร้างด้วยอะลูมิเนียมเช่นกัน แต่เคลือบข้างหน้าเพื่อป้องกันการสะท้อนภายใน การหักเห และการสูญเสียจากความใส กระจกเหล่านี้เรียกว่า first surface mirrors และเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ากระจกเงาตามบ้านทั่วไปที่เคลือบข้างหลัง                                                                                                               ตัวอย่างการนำเอาอะลูมิเนียมไปใช้งาน เช่น

 

  • ·         การขนส่ง (รถยนต์ เครื่องบิน รถบรรทุก ตู้รถไฟ เรือทะเล จักรยาน ฯลฯ)
  • ·         ภาชนะ (กระป๋องฟอยล์ ฯลฯ)
  • ·         การบำบัดน้ำ
  • ·         การรักษาปรสิตของปลา เช่น Gyrodactylus salaris
  • ·         งานก่อสร้าง (หน้าต่าง ประตู รางข้าง ลวด ฯลฯ)
  • ·         การเคลือบสีอะลูมิเนียมที่มีขายในเมืองไทยตอนนี้ มี 3 แบบ ได้แก่ Anodised Aluminium, Powder Coated Aluminium และ Fluorocarbon Aluminium ค่ะ สำหรับงานอาคารสูงจะใช้ Powder Coated Aluminium เป็นมาตรฐาน
  • ·         สินค้าสำหรับผู้บริโภคที่มีความคงทน (เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ครัว ฯลฯ)
  • ·         ไฟฟ้าไฟฟ้า (ชิ้นส่วนและลวดอะลูมิเนียมมีความหนาแน่นน้อยกว่าทองแดง และราคาถูกกว่าด้วย [1] แต่มีความต้านทานไฟฟ้ามากกว่าด้วย มีหลายพื้นที่ ที่ห้ามใช้ลวดอะลูมิเนียมสำหรับสายไฟตามบ้าน เนื่องจากความหนาแน่นสูงกว่าและขยายในความร้อนมากกว่า)
  • ·         เครื่องจักรกล
  •  
  • ·         แม่เหล็กที่ทำจากเหล็กกล้าเอ็มเคเอ็ม (MKM steel) แอลไนโก (Alnico) แม้ว่าตัวอะลูมิเนียมเองจะใช้วัตถุแม่เหล็กก็ตาม

 

 

ขอบคุณ

 

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

https://th.wikipedia.org/

guest

Post : 2016-08-03 09:41:46.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >   มูลี่ (Venetian Blinds)

 มูลี่ (Venetian Blinds)

มูลี่ (Venetian Blinds)

มูลี่เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านประเภทผ้าม่านที่เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย อายุการใช้งานที่ทนทาน ช่วยลดความร้อนของแสงแดดจากภายนอกอาคาร ปรับปริมาณแสงได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการ หรือดึงตัวมูลี่เก็บข้างบนในกรณีที่ไม่ได้ใช้งาน  อีกทั้งยังมีกว่า 500 เฉดสี ร่วม 100 เทกเจอร์ให้เลือก จึงเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยสร้างสีสัน และสร้างบรรยากาศได้หลากหลายรูปแบบให้กับที่พัก อาศัย สำนักงาน สถานที่ราชการ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการ ดูทันสมัยด้วยมูลี่สีพื้นอ่อน หรือเพิ่มความหวานของห้องด้วยมูลี่สีพาสเทล

ตัวใบอลูมิเนียมของซันนี่คัดเกรดมาอย่างดี มีความแข็งแรง ไม่บิดงอ สีสด สวยไม่ซีดจาง  มีหลายขนาดให้เลือกทั้งแบบมาตรฐาน 25 mm., 35 mm. หรือ 50 mm. ซึ่งสามารถใส่เทปผ้า (เทปบันได) กับใบมูลี่ขนาด 50 mm. เพื่อเพิ่มลูกเล่นในการตกแต่งห้องได้อีกด้วย ซึ่งมีระบบการทำงานอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น รุ่นโซ่ดึง รุ่นแกนปรับ รุ่นเชือกในแกนปรับ

รูปแบบมูลี่อลูมิเนียมมีรุ่นอะไรบ้าง

รุ่นของมูลี่อลูมิเนียมสามารถแบ่งออกได้เป็น  3 ประเภท ดังนี้

 

รุ่นโซ่วน

ใช้โซ่เพียงเส้นเดียวเพื่อควบคุมการทำงานทั้งการเปิด ปิดใบมูลี่ และเก็บชุดมูลี่ขึ้นลงได้

รุ่นแกนปรับ

ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน โดยมีแกนอะคริลิกสำหรับปรับการหมุนเปิดปิดของใบมูลี่ และใช้เชือกในการดึงเก็บ

รุ่นเชือกในแกนปรับ

ใช้งานใกล้เคียงกับรุ่นแกนปรับ โดยมีแกนพลาสติกสำหรับปรับการหมุน เปิด ปิด ของใบมูลี่ และใช้เชือกในการดึงเก็บ โดยเชือกจะร้อยผ่านแกนปรับอีกทีหนึ่ง

     

 

guest

Post : 2016-08-01 16:48:10.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  อุปกรณ์ในการซับเสียง คือ วัสดุดูดซับเสียง-ลดการสะท้อนของเสียง

 

Acoustic Foam, Acoustic Board
Acoustic Absorber Material, Rock wool, glass wool... 
แผ่นซับเสียง ฟองน้ำบุเสียง การจัดการกับเสียง สำหรับห้องบันทึกเสียง ห้องซ้อม ห้องฟังเพลง


เรื่องจัดการเสียง 

 

 

อุปกรณ์ในการซับเสียง คือ วัสดุดูดซับเสียง-ลดการสะท้อนของเสียง


วัสดุซับเสียงก็มีหลายแบบ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการซับเสียงต่างๆกันไป วัสดุประเภทเส้นใยและที่เป็นรูพรุนจะซับเสียงได้ดี มีค่าการวัดเรียกว่า STC ค่าสัมประสิทธิ์ การดูดซับเสียง (Sound Absorption Coefficients) เป็นตัวบอกว่าลดได้เท่าไหร่ ในแต่ละความถี่ 


วัสดุซับเสียงที่มีขายในตลาดก็มีหลายแบบ เช่น ฟองน้ำ โฟมแบบรูพรุน วัสดุประเภทใยหิน ใยแก้ว Acoustic Board.... ส่วนพวกพรมอัด ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ มันก็ซับ แต่น้อย จะใช้แบบไหนดี ก็อยู่ที่งบประมาณเราเป็นหลักละครับ และจะซับมาก ซับน้อย ขนาดไหน ก็อยู่ที่เราต้องการให้มันเป็น หากบุ 100% เสียงก็จะทึบๆอับๆ ห้องซ้อม ไม่นิยมบุมากจะบุกลางๆ ส่วนห้องอัดก็อาจจะมีหลายโซน บางห้องก็บุ 100% จนอาจเรียกได้ว่า death room บางห้องก็ต้องการกลางๆเป็นแบบ Live Room


ค่าการซับเสียงของวัสดุต่างๆ 


** หลายๆคนที่ชอบง่ายๆ ก็ใช้ลังไข่ เพราะถูกดี มาดูค่าการซับเสียงมันเทียบกับฟองน้ำซับเสียง จะเห็นว่าลังไข่จะซับที่ย่านกลาง 600-800 Hz มาก ส่วนย่านกลาง-แหลม จะได้ลดน้อยลง ส่วนย่านเบสแทบบไม่ได้เลย เทียบกับ Acoustic Foam จะได้กว้างกว่าและสูงกว่า ดังนั้นหากใช้ลังไข่ในห้องซ้อมดนตรีก็จะดีครับ เพราะมัน
จะลดเสียงกลางที่แยงๆหูของเครื่องดนตรีสด ลงไปได้เยอะ


 
 ผนังห้องกรุไม้อัด ด้านในใส่วัสดุซับเสียง(ลังไข่)

วัสดุซับเสียงในห้อง แบบง่ายๆ 3 แบบ คือ

1-M-Sorp - เป็น Polyetelene foam ทำผิวหน้าเป็นแบบปิรามิด ขนาด 60x60 ซม. ตัวนี้ซับเสียงย่าน Mid-High เป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่ย่าน 1Khz ขึ้นไป ทำมาเพื่อ
งานนี้โดยเฉพาะ ใช้ง่าย เพียงแปะกาวยางลงไปสัก 6-8 จุด ก็ติดละ เพราะน้ำหนักเบา
2-Acoustic Foam - ฟองน้ำสำหรับซับเสียง มี 2 ผิว ตามรูปด้านล่าง ผิวรังไข่จะเห็นมีขายตามร้านขายพรมด้วย แบบแผ่นใหญ่
ใช้ง่ายเช่นกัน เพียงแปะกาวยางลงไปสัก 6-8 จุด ก็ติดละ เพราะน้ำหนักเบา
3-Acoustic Board - เป็นแผ่นฝ้าเพดานคล้ายยิปซั่มบอร์ด แต่มีส่วนผสมของวัสดุที่ช่วยดูดซับเสียง รวมทั้งทำผิวให้ลดการสะท้อนของเสียง เช่น เจาะรู มีขนาด 60x120 ซม.และ 60x60 ซม. เราจะเห็นจากฝ้าเพดานตามสนามบิน โรงพยาบาลหรืออาจจะเป็น ห้อง ประชุม ห้องกระจายเสียงวิทยุ(วงการงานก่อสร้างจะรู้จักกันดี) แผ่นพวกนี้ จะช่วยซับย่าน Broad band เหมาะสำหรับใช้ภายในอาคาร เช่น เพดาน แต่ต้องเป็นเพดานชั้นที่ 2 จากเพดานเดิม (เนื่อง จากเพดานชั้นแรกจะเจอกับ ความร้อนมาก แผ่น Acoustic Board เมื่อโดนความร้อนสูง ๆ อาจจะงอและหดตัวได้) ตัวนี้มีน้ำหนักมากกว่าฟองน้ำ ต้องยิงสกรู หรือวางบน T-Bar

วัสดุซับเสียงแบบอื่นๆ ที่ต้องการการติดตั้งที่ยุ่งยากมากขึ้น
กลุ่ม Insulation หรือฉนวน ซึ่งกันได้ทั้งความร้อน และเสียง 

กลุ่มนี้คือไยหิน ไยแก้ว มีความหนา ความแน่น หลายระดับ แต่อันนี้แหละ เจ๋งสุดๆๆ ครับ แต่วิธีติดก็ยุ่งกว่า ต้องทำโครงสร้างรับมัน สำหรับมืออาชีพเท่านั้น คนที่
ซีเรียสเรื่องเสียงจริงๆ ก็ต้องยอมละครับ ห้องบันทึกเสียงระดับโปร ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้ทั้งหมด วัสดุพวกนี้จะซับเสียงได้มาก จึงนำไปใส่ในผนังเพื่อลดพลังงานเสียง
วิธีบุผนังด้วยใยหิน ใยแก้ว ต้องทำโครงไม้อย่างรูปข้างล่างครับ จะเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น แต่ประสิทธิภาพสูงสุด เงียบหวิ้ว เลยล่ะครับ 55
 

ใยหิน แบบอัดแผ่นอย่างหนา

เทคนิคการซับเสียงที่ผมใช้คือ...
เมื่อวัสดุซับเสียงแต่ละอย่าง ซับความถี่ต่างกัน เราจึงจำเป็นต้องลดลงทุกช่วงความถี่
1-ความถี่ย่านกลาง-แหลม 
หากเราสังเกตุจากกราฟ NRC (noise reduction coefficient) ก็จะพบว่าวัสดุประเภทฟองน้ำ M-sorb หรือพวกม่าน พรม...พวกนี้จะซับเสียงย่าน
กลางแหลมเป็นส่วนใหญ่ คือตั้งแต่ 1K ไปจนถึง 10K ดังนั้นหากเราใช้วัสดุพวกนี้บุเต็มห้อง เสียงแหลมก็จะหายไป เหลือแต่ทุ้มกับกลางทุ้ม
ดังนั้น ควรใส่พอประมาณ
2-ความถี่ย่านกลาง Mid 500-800 Hz. ย่านนี้จะพบว่าพวกลังไข่จะตอบสนองดี 55 แต่พวกเส้นไยต่างๆจะซับได้ดี เช่น ไยหิน ไยแก้ว
3-ความถี่ย่าน Mid Low ที่ 100-500 Hz. จะพบว่า Echobloc จะลดการสะท้อนของย่านนี้ได้ดี ดังนั้นใช้วัสดุเจาะเป็นรูๆ ร่วมกับไยแก้วด้านใน

4-ย่านต่ำ Low คือย่าน 150 Hz ลงไปจนถึงเราแทบจะไม่ได้ยินคือ 40 Hz. ย่านนี้เราต้องใช้ Bass Trap มาช่วยแล้วครับ คือ อัดฟองน้ำเข้าตรงมุม
อย่างหนาๆเลย หรือทำกล่องไม้อัดยัดไยแก้ว (Panel absorber) ซึ่งลอง search หาดูก็จะพบ bass trap หลายๆอย่าง ลองทำดูนะครับ แต่การผสม
ไยแก้วกับแผ่น Panel เจาะรูจะทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น Echobloc หรือ Bass Trap panel
 

วัสดุจัดการเสียงอื่นๆ
วัสดุช่วยให้เสียงเป็นระเบียบ จัดทิศทางการสะท้อนของเสียง อีกระดับความอร่อยของหู

Defuser ตัวจัดการให้เสียงสะท้อนเป็นระเบียบสม่ำเสมอ ไม่อึงคนึง หวานน่าฟัง ว่าไปโน่นเลยครับ อันนี้เป็นอีกระดับของความบ้าเรื่องเสียง มันจะอะไรกัน นักกันหนากับหูของเรานะ แต่ก็เป็นไปแล้วครับ เพื่อความสุขของหูเรา เหมือนอวัยวะส่วนอื่นไง ฮา !!! โดยเฉพาะคนที่ซีเรียสในการฟังเพลงหรือแม้แต่การบัน
ทึกเสียงอย่างรูปด้านล่าง อันนี้เราไม่ขายครับและไม่สนับสนุน เพราะมันแพงครับและไม่ได้เห็นผลชัดเจน ที่เห็นในรูป ราคาหลายหมื่นบาทต่อชิ่น  ที่เห็น ใช้กันก็มีนักฟังเพลงในบ้านระดับหูทอง ที่มีห้องหรู พร้อมเครื่องเสียงชุดละหลายแสน ส่วนในห้องอัดไม่มีใครรู้หรอกว่า เสียงที่อัดมา ใช้อะไรซับเสียง ยิ่ง
Defuser ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครใช้ตัวนี้ในห้องอัด ผมเรียกกลุ่มพวกนี้ว่า บ้าเรื่องเสียงระดับ 5 !! คนที่บ้าอาจจะไม่ใช่นักดนตรีที่ยิ้มๆอยู่ แต่เป็นพวกที่ทำห้องอัด เสียง หรือ Sound Engineer ที่ทำงาน !


สรุป !
 เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้..

การจัดการกับเสียง อยู่ที่ว่าเราซีเรียสกับมันขนาดไหนนะครับ ซึ่งมี 2 อย่าง คือ กันเสียง และซับเสียง ที่มีปัญหากันมากคือการกันเสียง ซับนั้นไม่เท่าไหร่ !
หากเป็นห้องฟังเพลง ก็ซับระดับพอประมาณ กันเสียงออกไปนอกห้องพอประมาณ เพราะข้างในไม่ดังมาก ใชัวัสดุซับไม่มากก็ ok แล้ว
หากเป็นห้องซ้อมก็จะต้องกันมากหน่อยเพราะข้างในดังมากกว่าการฟังเพลงมาก ส่วนการซับก็ไม่นิยมซับมาก เพราะจะอึดอัดไม่เป็นธรรมชาติ ให้สะท้อนบ้าง
หากเป็น ห้องอัดเสียง บางจุดก็อาจจะให้สะท้อนบ้าง บางจุดก็จะทั้งซับทั้งกันแบบสุดๆ ห้องระดับโปร จะกันเสียงที่ผนังมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เสียงจากข้าง
นอกเล็ดลอดมาเข้าที่ไมค์ได้
หากเรามีปัญหาเสียงจากข้างนอกมารบกวนเรา หรือเราไม่ต้องการเสียงดังในห้องเราไปรบกวนคนอื่น ก็ต้องกันเสียงที่ผนัง-ประตู-หน้าต่างกันแบบสุดๆ 
การทำและการใช้วัสดุก็อยู่ที่ความเหมาะสมและงบประมาณของเราเป็นหลัก เราเท่านั้น ที่จะเป็นผู้กำหนดและตัดสินใจ หลักการใครๆก็รู้ครับ เพราะมีการ
แชร์ข้อมูลกันในเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมคนหนึ่งล่ะ ที่กำลังแชร์มุมมองของผมเอง อย่าเชื่อทั้งหมดที่พูดมา นะ

ขอบคุณที่มา:

http://www.mxmsound.com/Acoustic

 

 

 

guest

Post : 2016-07-08 09:36:53.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ดูดซับ เก็บ สะท้อน...หลากวัสดุเพื่อการควบคุมเสียงภายในอาคาร

 

ดูดซับ เก็บ สะท้อน...หลากวัสดุเพื่อ การควบคุมเสียงภายในอาคาร

 

 

Trevira CS .jpg

 

เรื่องของเสียงนั้น นอกจากเสียงดนตรี มนุษย์ก็ยังได้ยินเสียงในธรรมชาติทั่วไป ซึ่งบางครั้ง เสียงที่มีความดังเกินไปก็อาจเป็นการรบกวนการดำเนินชีวิตได้ ในแวดวงวัสดุจึงได้มีการคิดค้นวัสดุเพื่อการควบคุมเสียงขึ้น โดยทั่วไป ความแตกต่างของการใช้วัสดุเพื่อควบคุมเสียงแบ่งเป็นสามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ 1. การดูดซับเสียง (Sound Absorption) 2. การเก็บเสียง (Sound Acoustic) ซึ่งใช้สำหรับการควบคุมเสียงก้องและเสียงสะท้อนในห้องหรืออาคาร มีหลักการทำงานคือยอมให้เสียงผ่านเข้ามาในฉนวนและดูดซับพลังงานเสียง ส่วน 3. การกันเสียง (Sound Proof) มีหลักการแตกต่างออกไปตรงที่จะไม่ยอมให้เสียงผ่านไปได้ 
          
วัสดุทุกชนิดสามารถดูดซับเสียง ควบคุมเสียงสะท้อน และกันเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันไป วัสดุที่เป็นฉนวนดูดซับเสียงจะมีลักษณะเป็นเส้นใยหรือมีรูพรุนเพื่อให้เสียงเดินทางผ่านเข้าไปยังฉนวน ขณะเดียวกันก็จะดูดซับพลังงานเสียงไว้ส่วนหนึ่ง ทำให้เสียงที่ผ่านฉนวนออกมามีความแรงและคลื่นความถี่ลดลง ส่งผลให้เสียงนั้นเบาลงไปและพลังงานเสียงที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปอื่น ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นพลังความร้อน ทั้งนี้จำนวนพลังงานที่ถูกดูดซับเข้าไปจะแสดงในรูปของค่าสัมประสิทธิ์การลดเสียงหรือ Noise Reduction Coefficient (NRC) ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะระบุได้ถึงความสามารถในการดูดซับเสียงของวัสดุ โดยทั่วไปค่า NRC จะต้องมากกว่า 0.40 จึงจะถือว่าเป็นวัสดุดูดซับเสียง ล่าสุดวัสดุที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้าน Innovative Acoustic Surface ของนิตยสาร Interior Design กลับเป็นผ้าเนื้อบางโปร่งแสงที่สามารถดูดซับเสียงได้จากบริษัท Carnegie สหรัฐอเมริกา ผ้าดังกล่าวผลิตจากเส้นใย Trevira CS ซึ่งเป็นโพลีเอสเตอร์ (PET) ทำให้แตกต่างจากผ้าซับเสียงทั่วไป เนื่องจากวัสดุมีส่วนประกอบของฟิล์มเส้นด้ายที่แบนและใส ทำให้ผ้ามีความโปร่งใสแต่ยังดูดซับคลื่นเสียงได้ และมีคุณสมบัติกันไฟลาม ไม่ซีดจาง คงทน ต้านทานการขัดถู อ่อนตัวดี และมีความเสถียรด้านขนาด โดยเส้นด้ายแบนจะถูกนำไปทอรวมกับด้ายขนปุยในกระบวนการเฉพาะของผู้ผลิต ทั้งยังนำไปตัดเย็บได้ตามปกติ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การลดเสียง (NRC) อยู่ระหว่าง 0.5–0.6 และที่สำคัญ มีคุณสมบัติการกันไฟลามตามมาตรฐาน NFPA 701 เหมาะสำหรับบุเฟอร์นิเจอร์ ทำผ้าม่าน ผนังกั้นส่วน และผนังซับเสียง 

 

 Ping-Art2.jpg

 

นอกจากนี้ ข้อควรคำนึงถึงอย่างมากในการเลือกใช้วัสดุคือองค์ประกอบของวัสดุที่จะต้องไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ในประเทศไทยบริษัท Ping-Artจังหวัดเชียงใหม่ ได้คิดค้นวัสดุจากวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรอย่างฟางข้าว มาทำเป็นฉนวนกันความร้อนและลดเสียงสะท้อน โดยมีสัดส่วนการผลิตจากฟางข้าวร้อยละ 47.5 เยื่อกระดาษร้อยละ 47.5 และสารหน่วงไฟ NH2SO4 ร้อยละ 5 โดยไม่มีส่วนผสมของใยหิน ใยแก้ว กาวฟอร์มัลดีไฮด์ และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากนั้นนำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นโดยการอัดด้วยความร้อน ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านทานแมลง ช่วยลดเสียงรบกวน นำไปรีไซเคิลได้ ดูดซับเสียงได้ดี มีประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิและไม่ลามไฟ ผ่านการรับรองปริมาณไททาเนียมไดออกไซด์ของกระดาษและบอร์ดตามมาตรฐาน ISO 5647:1990 เหมาะสำหรับทำฉนวนและงานตกแต่งภายใน 

เรื่อง: ชมพูนุท วีรกิตติ และ ปิยวรรณ กลิ่นศรีสุข 

ที่มา: 

 


boyawards.interiordesign.net 
ganfai.com 
microglassinsulation.com 

 

 

ขอบคุณ

 

http://www.tcdc.or.th/

 

 

 

 

 

guest

Post : 2016-07-07 15:48:36.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  งานฝ้า - เพดาน

งานฝ้า-เพดาน

 

 

 

 

ในปัจจุบันอาคารบ้านเรือนแทบทุกแห่งจะต้องมีการบุฝ้าเพดานตามห้องต่างๆ เพื่อความสวยงาม โดยเฉพาะห้องชั้นบนสุดเพื่อ ไม่ให้เห็นโครงสร้างหลังคา และแผ่นกระเบื้อง ส่วนห้องชั้นล่างที่ด้านบนเป็นพื้นหล่อหรือพื้นแผ่นเรียบอาจบุฝ้าเพดานหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่ กับความต้องการความสวยงามเทียบกับความต้องการประหยัดของเจ้าของบ้านแต่ละราย

เจ้าของบ้านบางรายอาจจะเห็นว่าการบุฝ้าเพดานไม่ใช่สิ่งจำเป็นมากนัก สำหรับการอยู่อาศัย บ้านที่ไม่ได้บุฝ้าเพดานก็ยังสามารถ อยู่อาศัยได้ สามารถคุ้มแดดคุ้มฝนได้ แต่อย่างไรก็ตาม การมีฝ้าเพดานจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัยหลายประการ เช่น ทำให้เกิดความ สวยงามเรียบร้อย ช่วยปิดกั้นการเดินท่อ และสายไฟต่างๆ

ด้านบนเอาไว้ ป้องกันฝุ่นตามร่องหลังคาที่อาจหลุดร่วงลงมา ช่วยให้การวาง ตำแหน่งดวงไฟต่างๆ ทำได้อย่างสะดวก และช่วยลดความร้อนจากหลังคาด้านบน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะเห็นว่าการบุฝ้าเพดานก็เป็นสิ่ง จำเป็นอย่างหนึ่ง และให้ประโยชน์ใช้สอยอย่างคุ้มค่าทีเดียว เจ้าของบ้านจึงไม่ควรจะมองข้ามความสำคัญนี้ไป

 

 

ฝ้าทีบาร์

 

ก็คือฝ้าที่มีขนาดแผ่นกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร และวางอยู่บนโครงคร่าวอลูมิเนียมเป็นช่อง ๆ สามารถถอดออก หรือ เปลี่ยนได้ในแต่ละช่อง

 

 

 

 

ระบบฝ้าเพดาน ที-บาร์ เป็นระบบฝ้าเพดานที่นิยม เนื่องจากความสะดวกในการซ่อมบำรุง

งานระบบไฟฟ้า และงานประปา ซึ่งเป็นงานหลังงานฝ้าเพดาน

 

 

 

ฝ้าแบบฉาบเรียบ คือ ฝ้าที่มองไปแล้วเรียบเป็นพื้นเดียวกันตลอด และมีโครงคร่าว อลูมิเนียม

หรือสังกะสี ยึดอยู่หลังฝ้า ดูแล้วสวยงาม ปัจจุบันบ้านใหม่ ๆ จะใช้เป็นฝ้าฉาบ เรียบกันหมดแล้ว

 

 

ระบบฝ้าเพดานฉาบเรียบ เป็นระบบฝ้าเพดานที่เน้นความสวยงาม เนียนเรียบ

และสามารถออกแบบฝ้าเพดานให้เล่นระดับ หรือดัดโค้ง ได้ตามการออกแบบ

 

 

ผนังเบา การเลือกใช้ผนังยิปซั่มที่ถูกประเภทและเหมาะสมต่อการใช้งานนอกจากจะได้คุณสมบัติของผนังตามที่ต้องการแล้วยังสามารถช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมาก ด้วยระบบผนังยิปซั่มที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งาน โดยได้แบ่งหมวดของงานผนังยิปซั่มตามระบบ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ กับทุกส่วนของผนังภายในอาคาร

 

 

ผนังยิปซั่ม   สำหรับกั้น-แบ่งการใช้พื้นที่ภายในอาคารโดยใช้โครงคร่าวเหล็ก พร้อมปิดทับด้วยแผ่นยิปซั่มทั้งสองด้าน ผนังยิปซั่มสำหรับการกรุทับพื้นผิวผนังคอนกรีต หรือผนังก่ออิฐโดยใช้โครงคร่าวเหล็ก และปิดทับด้วยแผ่นยิปซัม 1ด้าน      เพื่อการตกแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการป้องกันความร้อนและเสียงรบกวนได้ดี

 

 

 

ภาพ: ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบ ดูเรียบร้อยสวยงาม

 

 

ภาพ: ฝ้าเพดานแบบตีเว้นร่อง สามารถเล่นลูกเล่นหรือวางลวดลายบนฝ้าเพดานได้หลากหลาย

 

 

ภาพ: ฝ้าเพดานทีบาร์ ง่ายต่อการดูแลรักษาซ่อมแซมงานระบบต่างๆ จึงเป็นที่นิยมมาในอาคารสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันก็มีการนำมาใช้ในบ้านพักอาศัยเช่นกัน

 

 

วัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดาน

 

เนื่องจากประโยชน์ใช้สอยของฝ้าเพดาน มีอยู่หลายแง่หลายมุมดังกล่าวแล้ว ฝ้าเพดานที่ผลิตออกมาในท้องตลาดจึงมีหลายแบบ หลายชนิด เพื่อสนองความต้องการในการใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งนี้ การแบ่งชนิดของฝ้าเพดานจะขึ้นอยู่อยู่กับวัสดุ และองค์ประกอบ ของวัสดุที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ วัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดานสำหรับบ้านเรือนทั่วไปที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ คือ

 

1. กระเบื้องแผ่นเรียบ

 

2. แผ่นยิปซัม

 

3. ไม้

 

4. อลูมิเนียม

 

กระเบื้องแผ่นเรียบ

 

กระเบื้องแผ่นเรียบซึ่งมีชื่อเต็มว่า กระเบื้องซีเมนต์ใยหินแผ่นเรียบ (asbestos cement sheet) เป็นวัสดุก่อสร้างพื้นฐาน ที่รู้จักกัน และใช้กันมาเป็นเวลานาน มีคุณสมบัติที่แข็งแรง ไม่ติดไฟ ทนต่อน้ำ และความชื้น จึงสามารถใช้ทำได้ทั้งผนังของตัวบ้าน และ ฝ้าเพดาน แต่กระเบื้องแผ่นเรียบก็มีข้อเสียบางประการ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความแข็งจึงยืดหยุ่นได้น้อย เมื่อโครงไม้ที่กระเบื้องแผ่น เรียบยึดติดอยู่เกิดการยืดหดตัวเนื่องจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้กระเบื้องแผ่นเรียบเกิดรอยแตกร้าวได้ง่าย นอกจากนี้ การใช้ กระเบื้องแผ่นเรียบยังเกิดร่องหรือรอยต่อระหว่างแผ่นซึ่งดูไม่สวยงาม ปัจจุบันความนิยม ในการใช้กระเบื้องแผ่นเรียบ ลดน้อยลง เนื่องจากข้อเสียดังกล่าว ประกอบกับมีวัสดุอื่นที่มีคุณภาพดีกว่ามา ทดแทน แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระเบื้องแผ่นเรียบ ยังมีคุณสมบัติเด่นคือทนต่อน้ำ และความชื้นจึงยังคงมีผู้ใช้กันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะ ใช้ในการบุฝ้าเพดานตามชายคา บริเวณบ้าน หรือโรงรถที่มักจะมีความชื้นจากน้ำฝน

 

แผ่นยิปซัม

 

แผ่นยิปซัม (gypsum board) เป็นวัสดุก่อสร้างที่ใช้สำหรับบุฝ้าเพดาน และกั้นห้องภายในที่นิยมใช้กันแพร่หลายใน ปัจจุบันมีคุณสมบัติเด่น คือ น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ให้ความปราณีตสวยงาม มีลวดลายต่างๆให้เลือก และยังมีหลายชนิดหลายขนาด ให้เลือก ใช้ตามวัตถุประสงค์ ที่ต่างกัน เช่น แผ่นยิปซัมชนิดธรรมดา ชนิดทนความชื้น ชนิดมีอลูมินัมฟอยล์กันความร้อน นอกจากนี้ ยังมีทั้งชนิดแผ่นใหญ่ สำหรับการติดฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบไร้รอยต่อ และชนิดแผ่นเล็กสำหรับการติดฝ้าเพดานแบบแขวน (ที-บาร์) ซึ่งสามารถประกอบใส่ และถอดออกได้โดยง่าย

 

ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยไม้

 

ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยไม้นี้มิใช่วัสดุสำเร็จรูปที่ใช้ทำฝ้าเพดานโดยเฉพาะ แต่จะเป็นลักษณะของฝ้าระแนงไม้ โดยการนำไม้ ที่มีลักษณะ เป็นแผ่นยาวหน้าแคบมาวางเรียงกันโดยแต่ละแผ่นอาจเว้นช่องเล็กน้อย เมื่อบุเสร็จแล้วฝ้าเพดานจะมีลักษณะเป็นซี่ไม้วาง เรียงกัน ส่วนใหญ่มักใช้ทำฝ้าเพดานสำหรับชายคาภายนอก ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยไม้มีข้อดีคือให้ความสวยงามแปลกตาเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีข้อเสียหลายประการ คือ วัสดุที่ทำด้วยไม้มีราคาแพง ติดไฟง่าย เกิดการผุกร่อนได้เมื่อใช้ไปนานปี ฝ้าเพดานชนิดนี้ถ้าการวางไม้ แต่ละซี่เว้นช่องห่างมากเกินไปก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของแมลงต่างๆ และเป็นที่สะสมสิ่งสกปรก บางแห่งจำเป็นต้องบุมุ้งลวดไนลอน เพิ่ม เติมเข้าไปเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวซึ่งก็เป็นการเพิ่มขั้นตอน และค่าใช้จ่ายอีก ฝ้าเพดานชนิดนี้จึงไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้กันมากนัก

 

ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยอลูมิเนียม

 

ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยอะลูมิเนียมนี้จะมีลักษณะ และหน้าตาคล้ายกับ ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยไม้ ข้างต้น คือจะป็นการนำซี่ อลูมิเนียมมา วางเรียงกัน โดยการสวมประกอบเข้าร่อง เมื่อบุเสร็จแล้วฝ้าเพดาน จะมีลักษณะเป็นซี่ คล้ายกับ ฝ้าเพดานที่ทำด้วยไม้ แต่จะไม่ มีช่องห่างระหว่างซี่ ดังเช่นฝ้าเพดาน ที่ทำด้วยไม้ เพราะเป็น การสวมเข้าร่อง ฝ้าเพดานชนิดทำด้วยอะลูมิเนียม ข้อดีคือให้ความสวยงาม แปลกตา และไม่ติดไฟ แต่มีข้อเสียคือ ไม่กันความร้อน และดูแข็งกระด้าง ไม่เป็นธรรมชาติส่วนใหญ่ มักใช้ทำ ฝ้าเพดานสำหรับชายคาภาย นอกอาคาร ที่มีลักษณะเป็น ห้างร้านมากกว่า ที่จะพบเห็นตามบ้าน

นอกจากวัสดุที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีวัสดุอีกชนิดหนึ่งซึ่งสามารถนำมาทำเป็นฝ้าเพดานได้เช่นกัน ได้แก่ไม้อัด ไม้อัด เป็นวัสดุที่นิยมใช้กันมากในงานทำเฟอร์นิเจอร์ และงานตกแต่งต่างๆ ในด้านของงานก่อสร้าง ก็มีการนำมาใช้กันบ้างเพื่อทำผนังกั้นห้อง และฝ้าเพดาน ข้อดีของไม้อัด คือ มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง แต่มีข้อเสีย คือ ติดไฟง่าย ขึ้นราง่าย และถ้าเป็นไม้อัดที่คุณภาพ ไม่ดีจะแตกปริ และเสื่อมสภาพได้เร็ว ปัจจุบันยังมีการใช้ไม้อัด ทำผนังกั้นห้องกันบ้างเนื่องจากให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติของลายไม้ แต่ไม่ค่อยนิยม นำมาบุฝ้าเพดานเนื่องจากข้อเสียดังกล่าว ประกอบกับมีวัสดุทดแทนชนิดอื่น ที่มีคุณภาพดีกว่า มาใช้แทน ได้แก่ แผ่นยิปซัม และกระเบื้องแผ่นเรียบตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมบางประการเกี่ยวกับการเลือกใช้วัสดุเพื่อเป็นข้อมูล และข้อคิดในการเลือกใช้วัสดุให้ เหมาะสมกับการใช้งาน ในแต่ละจุดโดยเฉพาะ แผ่นยิปซัมซึ่งนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน และข้อสังเกตเกี่ยวกับขั้นตอนในการบุฝ้าเพดาน เพื่อให้ผลงานที่ออกมามีความเรียบร้อย ไม่ต้องแก้ไขกันภายหลัง

 

 

ขอบคุณ 

ที่มาเนื้อหา    :      http://changkrajok.com/

ที่มารูปภาพ   :          http://www.scgbuildingmaterials.com/th/



guest

Post : 2016-07-06 16:23:07.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ม่านปรับแสงมีแบบใหนบ้าง

 

ม่านปรับแสง (Vertical Blinds)

ปัจจุบันม่านปรับแสงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบการวางใบของตัวม่านที่เป็นแนวตั้ง (มีลักษณะคล้ายกับมู่ลี่ แต่เป็นแนวตั้ง) ทำให้สามารถควบคุมปริมาณแสงให้เข้าภายในห้องได้อย่างง่ายดาย ม่านปรับแสงมักถูกนำไปตกแต่งในสถานที่ทั่วไป เช่น ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ห้องนอน ด้วยรูปแบบของม่าน จะช่วยทำให้บรรยากาศของตัวห้อง ดูสวยงาม ทันสมัย

 

การดึงรวบเก็บตัวม่านปรับแสงนั้น สามารถเลือกเก็บได้ 2 แบบ คือดึงแล้วตัวม่านปรับแสงจะแยกออกตรงกลาง หรือจะดึงรวบไว้ด้านเดียวก็ได้ ตามความเหมาะสม

 

ข้อดีของม่านปรับแสง คือทำความสะอาดได้ง่ายเพียงดูดฝุ่นธรรมดา ไม่ต้องซักให้ยุ่งยาก หรือหากเป็นรุ่นที่เป็นไฟเบอร์ เคลือบ PVC. ก็จะกันน้ำด้วย สามารถนำผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดได้เลย โดยไม่ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเชื้อราบนม่าน

 

ม่านปรับแสงมีแบบไหนบ้าง?

  • ม่านปรับแสงดิมเอ้าท์ (Dim Out) เป็นม่านปรับแสง ที่ตัวใบทำมาจากเส้นใย Polyester และ Cotton ชนิดพิเศษ โดยม่านปรับแสงแบบ Dim Out นี้จะทำให้ห้องดูสว่าง เนื่องจาก แสงสามารถสามารถผ่านเข้ามาในห้องได้ สามารถกันแสงได้ 50-70% ตัวม่านไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก สามารถใช้ได้ทั้งในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือสำนักงาน เป็นต้น

 

ม่านปรับแสง แบบ Dim Out

ม่านปรับแสง แบบ Dim Out

 

  • ม่านปรับแสงซันสกรีน (Sunscreen) เป็นผ้าชนิดกรองแสง ทำมาจากด้าย Polyester หรือ Fiberglass เคลือบด้วย PVC ชนิดพิเศษ โดยคุณสมบัติเด่น คือ น้ำหนักเบา สามารถมองทะลุได้ ใช้กันสายตาในเวลากลางวัน  สามารถใช้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น บ้าน โรงเรียน ออฟฟิศ ฯลฯ

 

ม่านปรับแสงซันสกรีน

ม่านปรับแสงซันสกรีน

 

  • ม่านปรับแสงแบล็คเอ้าท์ (Black out) เป็นผ้าที่ทำมาจากเส้นด้าย Polyester หรือ Fiberglass แต่เคลือบด้วย PVC ที่มีส่วนผสมของคาร์บอน ทำให้สามารถกันแสงได้ 90-100% เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับห้องนอน หรือจุดที่ต้องการพักผ่อนต่างๆ

 

ม่านปรับแสง Blackout

ม่านปรับแสง Blackout

 

สำหรับ รางม่านปรับแสง นั้น สามารถทำความกว้างได้ตามต้องการ พร้อมความสูงที่ไม่จำกัด โดยม่านปรับแสงนั้นถือเป็นอีกทางเลือกของการดีไซน์ ที่จะช่วยให้ห้องของคุณดูสวยหรู ภูมิฐานมากยิ่งขึ้นครับ ส่วนระบบรางนั้น มีให้เลือกทั้งระบบเชือกปรับ และแกนปรับ

 

ตัวอย่างม่าน

ตัวอย่างม่าน

ที่มา : http://www.infinitydesign.in.th/

guest

Post : 2016-06-23 15:31:46.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  คุณสมบัติอลูมิเนียม

อลูมิเนียม (Aluminium) ถือเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน สำหรับภาคอุตสาหกรรมใช้ในการผลิตอลูมิเนียมผสม และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม ส่วนภาคครัวเรือนมีใช้มากในการก่อสร้าง และตกแต่งบ้าน ทดแทนไม้ และเหล็ก เนื่องจากเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติคงทนต่อการหัก ความร้อน การกัดกร่อน น้ำหนักเบา และมีความสามารถในการสะท้อนแสง และความร้อนได้ดี มักใช้ในงานก่อสร้าง งานตกแต่ง เช่น การทำประตู หน้าต่าง ฝ้า ราวกั้น และโครงสร้างต่างๆ

คุณสมบัติอลูมิเนียม
อลูมิเนียมมีจุดหลอมละลายที่ 660 องศาเซลเซียส เป็นโลหะที่มีความหนาแน่นน้อย น้ำหนักเบา รับภาระน้ำหนักได้สูง สามารถขึ้นรูปได้ง่าย ไม่เสี่ยงต่อรอยร้าว และการแตกหัก ไม่เป็นสนิม ทนต่อการกัดกร่อน และไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ โดยเฉพาะการนำมาผสมกับโลหะอื่นๆแล้วจะทำให้คุณสมบัติต่างๆเพิ่มมากขึ้น เช่น จุกหลอมเหลวของอลูมิเนียมผสมจะอยู่ที่ 1140-1205 องศาเซลเซียส จึงนิยมนำมาผลิตเป็นชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงวัสดุหรือภาชนะที่เกี่ยวข้องกับอาหาร นอกจากนั้น ยังมีคุณสมบัติทางเคมีของอลูมิเนียมในลักษณะต่างๆ ได้แก่

อลูมิเนียม

1. เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะทำให้เกิดชั้นฟิล์มบางๆ เรียกว่า อลูมิเนียมออกไซด์ เคลือบบนชั้นผิวอลูมิเนียมป้องกันการเกิดปฏิกิริยาอื่นๆได้ดี
2. การทำปฏิกิริยากับไนโตรเจนจะทำให้เกิดไนไตรด์ที่อุณหภูมิสูง
3. ไม่ทำปฏิกิริยากับกำมะถัน
4. เมื่อทำปฏิกิิริยากับไฮโดรเจน ไฮโดรเจนจะแทรกซึมเข้าสู่ชั้นในของอลูมิเนียม จึงจำเป็นต้องกำจัดออก
5. สามารถทนต่อกรดอนินทรีย์เข้มข้นได้ปานกลาง
6. ทนต่อปฏิกิริยาของด่างได้เล็กน้อย สามารถละลายได้ในสภาวะที่เป็นด่างเข้มข้น
7. เกิดปฏิกิิริยากับเกลือได้ ทำให้เกิดการกัดกร่อน

การผลิตอลูมิเนียม
อะลูมิเนียมถูกผลิตเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมต้นน้ำในเหมืองแร่ผลิตแร่บอกไซด์ ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง อัดตัวแน่น มีสีเหลืองออกสีน้ำตาลจนถึงน้ำตาลแดง แต่อาจพบในลักษณะสีอื่น เช่น สีขาว สีน้ำตาล ซึ่งมีการผลิตในต่างประเทศด้วยการนำแร่บอกไซด์มาถลุงจนได้อลูมิน่าบริสุทธิ์ และนำอลูมิน่าเข้าหลอมเป็นแท่งจนได้แท่งอลูมิเนียมบริสุทธิ์กลายเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ สำหรับเศษอลูมิเนียมเก่าสามารถนำมาหลอมเป็นแท่งอลูมิเนียมนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบใหม่ได้

การผลิตอลูมิเนียม

การผลิตอลูมิเนียมบริสุทธิ์ด้วยการแยกสกัดออกจากอลูมิน่าจะใช้กระบวนการถลุงด้วยไฟฟ้าในเตาหลอมไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยโลหะอลูมิเนียมบริสุทธิ์จะแยกตัวออกจากอลูมิน่าลงสู่ด้านล่างของเตาหลอม และไหลออกจากเตาหลอมด้วยวิธีกาลักน้ำ

สำหรับในประเทศไทยจะไม่มีการผลิตอะลูมิเนียมจากแหล่งแร่ต้นน้ำ แต่จะมีเพียงการผลิตอลูมิเนียมบริสุทธิ์จากการหลอมเศษอลูมิเนียมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่

ชนิดของอลูมิเนียม
แบ่งตามการผลิต

1. อลูมิเนียมบริสุทธิ์ เป็นอลูมิเนียมที่ได้จากการถลุงแร่หรือการหลอมให้มีความบริสุทธิ์ 99.00% และมีธาตุอื่นเจือปนเพียง 1% เท่านั้น เป็นอลูมิเนียมที่มีความเหนียวสูง สามมารถขึ้นรูปได้ดี

2. อลูมิเนียมผสม เป็นอลูมิเนียมที่ได้จากการหลอมร่วมกับโลหะชนิดอื่นตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป ได้แก่ ทองแดง แมกนีเซียม แมงกานีส โครเมียม ซิลิกอน นิเกิล ดีบุก สังกะสี เป็นต้น เพื่อเป็นโลหะผสมให้มีคุณสมบัติทนต่อแรงดึงสูง

แบ่งตามเกรดอลูมิเนียม
การแบ่งเกรดอลูมิเนียม มีการแบ่งเกรดจากสมาคมอลูมิเนียมแห่งสหรัฐอเมริกา โดยใช้หลักเกณฑ์ของส่วนผสมเป็นเกณฑ์ด้วยเลข 4 หลัก สำหรับใช้แทนเป็นสัญลักษณ์เกรดอลูมิเนียมขึ้นรูป

สัญลักษณ์แสดงกลุ่มอลูมิเนียมขึ้นรูป
1xxx หมายถึง อลูมิเนียมที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.00%
2xxx หมายถึง ทองแดง (Copper, Cu)
3xxx หมายถึง แมงกานีส (Manganese, Mn)
4xxx หมายถึง ซิลิกอน (Silicon, Si)
5xxx หมายถึง แมกนีเซียม (Magnesium, Mg)
6xxx หมายถึง แมกนีเซียม (Magnesium, Mg) และซิลิกอน (Silicon, Si)
7xxx หมายถึง สังกะสี (Zinc, Zn)
8xxx หมายถึง ธาตุอื่นๆ เช่น นิเกิล (Nickel, Ni), ไททาเนียม (Titanium, Ti), โครเมียม (Chromium, Cr), บิสมัท (Bismuth, Bi) และตะกั่ว (Lead, Pb)
9xxx หมายถึง ยังไม่มีใช้

หลักที่หนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดในการแสดงหมวดหมู่ของโลหะผสมใน 8 กลุ่ม ดังรายละเอียดในขั้นต้น เช่น 1xxx แทนหมวดโลหะอลูมิเนียมที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 99.00 โดยน้ำหนัก

หลักที่สอง เป็นตัวเลขที่ใช้กำกับโลหะอลูมิเนียมที่มีการผสมโลหะอื่นให้มีปริมาณทีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น 2024 ที่ประกอบด้วย 4.5Cu, 1.5Mg, 0.5Si และ0.1Cr เมื่อเปลี่ยนเป็น 2218 จะประกอบด้วย 4.0Cu, 2.0Ni, 1.5Mg และ0.2Si ซึ่งเป็นการผสม Ni แทนCr

หลักที่สาม และสี่ เป็นตัวเลขที่แสดงชนิดย่อยของโลหะผสมที่เป็นชนิดเดียวกัน แต่แสดงส่วนผสมที่แตกต่างกัน เช่น 2014 ที่ประกอบด้วย 4.4Cu, 0.8Si, 0.8Mn และ0.4Mg เมื่อเปลี่ยนเป็น 2017 จะประกอบด้วย 4.0Cu, 0.8Si, 0.5Mn และ0.1Cr

อลูมิเนียมบริสุทธิ์ (มากกว่า 99.00%) เป็นอลูมิเนียมทางการค้า มักพบในช่วงความบริสุทธิ์ที่ 99.30%-99.70% เหมาะสำหรับนำมาใช้งานในด้านตัวนำไฟฟ้า และแผ่นสะท้อนแสง เป็นต้น

อลูมิเนียมผสมทองแดง (2xxx) เป็นอลูมิเนียมที่ผสมทองแดง โดยพบว่า ทองแดงสามารถละลายได้ในอลูมิเนียมสูงสุดที่ 5.65% ที่อุณหภูมิ 548 องศาเซลเซียส และจะละลายได้น้อยลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น จนเหลือประมาณ 0.5% ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับนำไปประยุกต์ใช้งานทางด้านความร้อน

อลูมิเนียมผสมแมงกานีส (3xxx) เป็นอลูมิเนียมที่ผสมแร่แมงกานีส โดยหากเพิ่มแร่แมงกานีสที่ 1.2% จะทำให้เป็นโลหะผสมที่มีความแข็งแรงพอควร เหมาะสำหรับใช้งานในด้านโครงสร้างต่างๆ

อลูมิเนียมผสมซิลิกอน (4xxx) มักพบเป็นอลูมิเนียมที่ผสมด้วยซิลิกอนพร้อมกับแร่อื่นๆ แต่มีอัตราส่วนน้อยกว่า เช่น ซิลิกอน 11.0-13.5% ทองแดง 0.5-1.3% สังกะสี 0.5% เหล็ก 1% แมกนีเซียม 0.8-1.3% และนิเกิล 0.5-1.3% เหมาะสำหรับประยุกต์ใช้งานประเภทที่ทนความร้อน เช่น กระบอกสูบ ลูกสูบ ก้านสูบ ห้องเครื่อง เป็นต้น

อลูมิเนียมผสมแมกนีเซียม (5xxx) เป็นอลูมิเนียมที่ผสมแร่แมกนีเซียม แต่พบน้อยมากในอัตราส่วนผสมของแมกนีเซียมมากๆ ส่วนมากมักใช้ผสมร่วมกับแร่อื่นๆ เนื่องจากมีความสามารถในการละลาย และหลอมรวมกับอลูมิเนียมได้ไม่ดี หากใช้เป็นส่วนผสมมากจะทำให้วัสดุแข็ง และเปราะหักง่าย

อลูมิเนียมผสมแมกนีเซียมกับซิลิกอน (6xxx) มักเป็นอลูมิเนียมผสมที่มีสัดส่วนของแมกนีเซียม และซิลิกอนในอัตราส่วนน้อย โดยทั่วไปผสมแมกนีเซียม 0.6-1.2% ซิลิกอน 0.4-1.3% นอกจากนี้อาจมีการผสมโครเมียมหรือทองแดงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงด้วย

อลูมิเนียมผสมสังกะสี (7xxx) มักเป็นอลูมิเนียมผสมที่มีสัดส่วนของสังกะสีหรืออาจผสมแร่อื่นๆร่วมด้วยเล็กน้อย เช่น แมกนีเซียม กลุ่มอลูมิเนียมนี้มักประยุกต์ใช้ในด้านความทนทาน แข็งแรงสูง เช่น ยานอาวกาศ โครงสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น

อลูมิเนียมผสมแร่อื่นๆ (8xxx) เป็นอลูมิเนียมผสมที่ใช้แร่ผสมชนิดอื่นนอกเหนือจากข้างต้น เช่น นิเกิล, ไททาเนียม, โครเมียม, บิสมัท และตะกั่ว

ประโยชน์อลูมิเนียม
1. ด้านการก่อสร้าง
มักใช้เป็นโครงสร้าง และวัสดุตกแต่งในงานต่างๆ โครงสร้างเสา กอบประตู หน้าต่าง รั้ว ราวกั้น บันได เนื่องจากมีคุณสมบัติคงทน น้ำหนักเบา และอื่นๆ ซึ่งสามารถทดแทนไม้ และเหล็กได้เป็นอย่างดี

บันไดอลูมิเนียม

2. ด้านการขนส่ง
มักใช้เป็นวัสดุโครงสร้างในอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม มีอายุการใช้งานมากกว่าวัสดุอื่นๆ และสามารถรับแรงกด แรงกระแทกได้มาก จึงนิยมนำมาใช้เป็นชื้นส่วนรถยนต์ เครื่องบิน รถไฟ และยานพาหนะอื่นๆ

3. ด้านบรรจุภัณฑ์
อลูมิเนียมนิยมนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหาร และเป็นภาชนะสำหรับประกอบอาหาร เช่น ฟอยล์ครอบอาหาร กระป๋องบรรจุอาหาร จาน ชาม หม้อ กระทะ เป็นต้น เนื่องจากเป็็นโลหะที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารหรือสารเคมีอื่นง่าย ไม่เกิดสนิม และทนต่อความร้อน การกัดกร่อนได้ดี

4. อุตสาหกรรมไฟฟ้า
มักใช้อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สายไฟฟ้า เนื่องจากเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดี มีน้ำหนักเบา มีความคงทน และไม่เกิดสนิม

ที่มา  :  http://www.siamchemi.com/

guest

Post : 2016-06-23 14:10:02.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การพิจารณาเลือกใช้ม่านผ้าหรือม่านปรับแสง

 ม่านปรับแสง

 

ม่านปรับแสงโดยทั่วไปจะเป็นม่านที่ทำจากอะลูมิเนียมมาร้อยเข้าไว้ด้วยกัน เหตุที่ได้ชื่อว่าม่านปรับแสงก็เนื่องจากว่าม่านแบบนี้สามารถลดทอนแสงสว่างจากภายนอกที่จะเข้าสู่ภายในห้องได้ โดยการปรับหมุนองศาของแผ่นกันแดดให้เอียงตามความต้องการ คล้ายกับบานเกล็ดหน้าต่างปรับมุมที่ใช้กัน จะต่างกันก็ตรงที่ม่านปรับแสงเป็นแผ่นอะลูมิเนียมเล็ก ๆ บาง ๆ

ข้อดีของม่านปรับแสงคือ สามารถลดทอดนความจัดจ้าของแสงแดดที่จะเข้ามาภายในอาคารได้ พร้อมกับทำหน้าที่เป็นฉากกั้นสายตาไปในตัวโดยไม่ทำให้ภายในมองไม่เห็นภายนอก นอกจากจะปรับมุมองศาของแผ่นอะลูมิเนียมให้ปิดซ้อนทับกันสนิท

                       

อีกอย่างหนึ่งก็คือ ม่านปรับแสงเป็นม่านที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันแสงแดด ดังนั้นจึงมีการใช้งาน่ของแผ่นม่านสองลักษณะด้วยกัน คือม่านปรับแสงแบบแผ่นอะลูมิเนียมวางตามแนวนอน และแบบแผ่นอะลูมิเนียมตามแนวตั้ง ความแตกต่างของการเลือกใช้งานจะอยู่ที่ใบม่านตามแนวนอน เหมาะจะใช้บังแดดทางด้านทิศใต้ เพราะแสงแดดทางทิศนี้จะเอียงทำมุมกับตัวอาคาร ดังนั้นการเลือกใช้ใบม่านแนวนอนจะช่วยป้องกันแสงแดดได้ดี เช่นเดียวกับการยื่นชายคาหรือระเบียงกั้นแดดให้กับอาคารทางด้านทิศใต้

สำหรับม่านปรับแสงทางด้านตั้ง ใบม่านแบบนี้จะมีวัสดุเป็นอะลูมิเนียมและแผ่นใยสังเคราะห์ให้เลือกใช้ ม่านปรับแสงที่มีแผ่นทางตั้งนี้เหมาะจะใช้กันแดดทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศทางที่แสงแดดจะส่องเข้ามาตรง ๆ ดังนั้นการจัดให้ใบม่านพลิกเอียงไปมาได้ตามแนวดิ่งจะทำให้สามารถป้องกันแดดทางด้านนี้ได้ดีกว่าการเลือกใช้ใบม่านตามแนวนอน

                       

จุดด้อยของม่านปรับแสงจะอยู่ที่ข้อจำกัดของการใช้งาน เพราะม่านแบบนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้ในงานตกแต่งแบบสมัยใหม่มากกว่าจะนำไปใช้กับงานตกแต่งรูปแบบอื่น ๆ อีกทั้งม่านแบบนี้ยังมีผิวสัมผัสที่แข็งกระด้าง ไม่ดูนุ่มนวลอบอุ่นเหมือนผ้าม่าน จึงไม่ค่อยมีผู้นิยมนำมาใช้กับบ้านพักอาศัย หากกลับไปนิยมใช้ในอาคารสำนักงาน เพราะสามารถดูแลทำความสะอาดได้ง่ายกว่าผ้าม่าน จึงเป็นผลทำให้เกิดความรู้สึกตามมาว่าการเลือกใช้ม่านปรับแสงในบ้านพักอาศัย บรรยากาส และความรู้สึกที่ออกมาจะเหมือนกับอาคารสำนักงาน ทั้งที่จริงแล้วถ้าพิจารณากันตามประโยชน์ใช้สอย ม่านปรับแสงนั้นจะให้ประโยชน์กว่าผ้าม่านเสียอีก

การจะตัดสินใจเลือกใช้ม่านแบบใดแบบหนึ่งนั้นก็คงจะต้องมาพิจารณากันที่ประโยชน์ใช้สอยก่อน รวมทั้งงานตกแต่งเป็นประการสำคัญเพื่อการตัดสินใจ เช่น ถ้างานตกแต่งเป็นลักษณะของงานสไตล์ยุคใดยุคหนึ่งก็จำเป็นอยู่เองที่ต้องเลือกใช้ม่านผ้า เพราะจะเข้ากันได้กับงานตกแต่ง ดีกว่าการใช้ม่านปรับแสง แต่ถ้าเป็นงานตกแต่งแบบสมัยใหม่ที่สามารถเลือกใช้ม่านได้ทั้งสองชนิดก็คงต้องมาพิจารณากันที่ประโยชน์ใช้สอยว่าต้องการติดม่านเพื่อจุดประสงค์อะไรถ้าเป็นม่านที่ใช้กันแดดเข้าสู่อาคารก็น่าจะเลือกใช้ม่านปรับแสงมากกว่าการใช้ผ้าม่าน เพราะม่านปรับแสงสามารถเลือกปรับมุมเพื่อกันแดดได้ โดยยังคงมองเห็นภายนอก และอีกประการหนึ่ง ถ้าเลือกใช้ใบม่านชนิดที่สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ดี ก็จะช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคารได้อีกด้วย

           

และมาถึงข้อพิจารณาข้อสุดท้าย คือเรื่องของราคา ผ้าม่านจะมีช่วงราคาให้เลือกมากมายตามราคาของผ้าแต่ละชนิด รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบใช้ของชุดม่าน ในขณะที่ม่านปรับแสงจะมีช่วงราคาที่ค่อนข้างแน่นอน มีแบบ ขนาด และสีสันให้เลือกใช้จำกัด ฉะนั้นในกรณีที่มีงบประมาณไม่มากนัก ผ้าม่านดูจะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อเทียบกันแล้วผ้าม่านธรรมดา ๆ พอใช้งานได้จะมีราคาถูกกว่าม่านปรับแสงพอสมควร พร้อมทั้งให้ความรู้สึกของความนุ่มนวล อบอุ่นได้มากกว่าม่านปรับแสง และที่สำคัญ ถ้ามีความสามารถเย็บปักถักร้อยพอควรก็สามารถเย็บผ้าม่านใช้เองได้ แต่ในขณะที่ต่อให้เก่งเท่าเก่งก็ไม่สามารถทำม่านปรับแสงใช้เองได้

ที่มา :  http://www.bestroomstyle.com/

guest

Post : 2016-06-23 11:51:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ฉนวนกันเสียงและความรู้เบื้องต้น

 การดูดซับเสียงหรือการควบคุมเสียงสะท้อน (Sound Absorption)

การออกแบบห้องที่ต้องการลดเสียงสะท้อน เช่น ห้องประชุม, โรงละคร, โรงภาพยนตร์, ห้องบรรยาย, ห้องดูหนัง ฟังเพลง, ห้องคาราโอเกะ หากมีเสียงสะท้อน หรือเสียงก้องเกิดขี้น จะทำให้ประสิทธิภาพของเสียงที่หูของผู้ฟังได้ยินอาจลดประสิทธิภาพลงไป ดังนั้นต้องออกแบบให้มีวัสดุที่สามารถดูดซับเสียงได้ดี เพื่อป้องกันเสียงที่มากระทบฝ้าเพดาน พื้น ผนัง โดยสามารถดูได้จากค่า NRC ซึ่งเป็นค่าที่ระบุความสามารถการดูดซับเสียงของวัสดุต่างๆ
วัสดุทุกชนิดสามารถดูดซับเสียงได้ในระดับที่แตกต่างกันไป เมื่อคลื่นเสียงวิ่งกระทบวัสดุ จะมีบางส่วนของพลังงานเสียงถูกดูดซับและที่เหลือจะสะท้อนออกไป และเสียงที่สะท้อนออกไปนั้นจะมีพลังงานน้อยกว่าแหล่งกำเนิดเสียงเสมอ และพลังงานเสียงที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปอื่น โดยทั่วไปจะเป็นความร้อน และจำนวนพลังงานที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกแสดงในรูปของสัมประสิทธิ์การดูดซับเสียง (Sound Absorption Coefficient) คือค่าที่แสดงความสามารถในการดูดซับเสียงของวัสดุ ถ้าหากใช้วัสดุที่ดูดซับเสียงไม่ดีจะทำให้เกิดเสียงก้องภายในห้องนั้น ๆ ได้ สามารถพิจารณาค่าต่าง ๆ ได้เป็น 2 ลักษณะ คือ

Sound Absorption Coefficient (SAC)

SAC หมายถึงสัดส่วนของพลังงานเสียงที่ถูกดูดซับไปเมื่อชนกระทบ เทียบกับพลังเสียงจากแหล่งกำเนิด ยกตัวอย่าง เช่น มีวัสดุหนึ่งมีค่า SAC 0.85 นั่นก็หมายความว่าพลังเสียง 85% ได้ถูกดูดซับไว้เมื่อเคลื่อนที่ไปชนกับวัสดุนี้ และ 15% ของพลังงานที่เทียบกับแหล่งกำเนิดจะสะท้อนออกมา ค่าการดูดซับเสียงของทุกวัสดุจะแปรผันกับความถี่ของเสียงที่เข้าไปกระทบ ดังนั้นค่าการดูดซับเสียง (SAC) จะถูกวัดที่หลายความถี่คือ 125, 250, 500, 1,000, 2,000 และ 4,000Hz ความถี่เหล่านี้เป็นความถี่ตรงกลางของเสียงที่วิ่งกระทบน้อยมากที่จะมีการใช้ค่า SAC ของเสียงที่ช่วงความถี่เดียวในการออกแบบทางสถาปัตยกรรม หรือระบุว่าวัสดุใด ๆ มีค่า SAC เป็นเท่าไร ในการออกแบบสถาปัตยกรรมค่า SAC จะเป็นค่าดูดซับเสียงที่ความถี่ที่เจาะจงเท่านั้น

Noise Reduction Coefficient (NRC)

NRC เป็นตัวเลขที่จะระบุได้ถึงความสามารถในการดูดซับเสียงของวัสดุ โดยที่ NRC คือค่าเฉลี่ยของ SAC ที่ถูกวัดที่ 250, 500, 1,000, 2,000 Hz และปัดเศษให้อยู่ที่ 0.05 

โดยทั่วไปค่า NRC จะต้องมีค่ามากกว่า 0.40 ถึงจะถือว่าเป็นวัสดุดูดซับเสียง (Acoustic) วัสดุที่มีรูพรุน ฉนวนจะยอมให้คลื่นเสียงทะลุผ่านไปได้ลึกมาก ซึ่งจะเป็นที่ที่พลังงานเสียงจะเปลี่ยนเป็นความร้อนเนื่องจาก ความเสียดทานระหว่างช่องอากาศกับเส้นใยวัสดุประเภทนี้สามารถมีค่า NRC ได้มากถึง 0.95 – 1.00 ขึ้นอยู่กับความหนาของฉนวน 

อย่างไรก็ตามหูของมนุษย์ไม่สามารถรับทราบ ได้ถึงความแตกต่าง ระหว่างวัสดุดูดซับเสียงที่มีค่าต่างกันเพียง 0.05 ยกตัวอย่างเช่น คนเราจะรู้สึกไม่แตกต่างกันระหว่างการใช้วัสดุที่มีค่า NRC 0.80 กับ 0.85 

ส่วนใหญ่สถาปนิกหรือผู้ออกแบบจะเลือกวัสดุโดยดูที่ค่า NRC เป็นหลักส่วน Acoustician จะดูที่ค่า SAC เป็นหลัก

ที่มา :  http://www.microglassinsulation.com/

guest
sarun
- Guest -

Post : 2015-05-16 17:53:33.0     Forum: สอบถาม  >  มีมั้ยแผ่นฝ้าอะคูสติกลายไม้มั้ยครับ

ไม่ทราบว่ามีแผ่นฝ้าอะคูสติกที่เป็นแบบลายไม้มั้ยครับ

1